ปี 2566 แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ได้ผ่อนคลายความรุนแรง แต่ภาคธุรกิจของประเทศต่างๆและในประเทสไทย ยังคงได้รับผลกระทบจากการแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศมหาอำนาจคือจีนและสหรัฐอเมริกา ความผันผวนของตลาดและการเงินโลก  นอกจากนี้ยังเป็นปีที่มีความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์โลกจากวิกฤตสงครามในยูเครน ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ที่ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ทั้งในด้านการดำเนินธุรกิจ ต้นทุนการผลิต  และค่าพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น  เนื่องจากบริเวณพื้นที่ความขัดแย้งนี้อยู่ใกล้กับแหล่งพลังงาน ทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ รวมทั้งเส้นทางการขนส่งที่สำคัญของโลก  ในขณะที่สถานการณ์สิ่งแวดล้อมมีความแปรปรวนค่อนข้างสูง รวมถึงการเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในหลายประเทศ ผู้นำประเทศต่างๆ ต่างประกาศเจตนารมณ์สู่เป้าหมาย Net Zero  

คุณจิร โชตินุชิต
กรรมการผู้จัดการ

       บริษัท ท่าเรือประจวบ จํากัด  ตระหนักดีว่าวิกฤตที่ท้าทายมาพร้อมกับโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ จึงเร่งดำเนินการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการเป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจการให้บริการท่าเทียบเรือน้ำลึกเอกชน ตลอดจนยึดมั่นในแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยได้พัฒนาการบริการมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถเจริญเติบโตอย่างมั่นคง สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า ตลอดจนมุ่งเน้นการให้บริการอย่างครบวงจร พร้อมปรับตัวและใช้กลยุทธ์ต่างๆ เพื่อให้การบริการท่าเทียบเรือดำเนินต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและสามารถสร้างผลกําไรให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

       ผลการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทฯ มีสินค้าผ่านท่า (cargo throughput) ทั้งสิ้น 1,793.216 ตัน (สินค้าส่วนที่เป็นวัตถุดิบและสินค้าของกลุ่มเหล็กสหวิริยา 1,729,324 ตัน และสินค้ากลุ่มอื่นๆ 63,892 ตัน) ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 13 มีรายได้จากการให้บริการสินค้าผ่านท่า 196,813,279 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 14 มีผลกำไรสุทธิ  13,074,418 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 71 ทั้งนี้มีกิจกรรมทางธุรกิจที่สำคัญ คือท่าเรือมีการขยายตัวและเกิดรายได้จากธุรกิจขนสินค้าโดยตู้ Container โดยมีกำหนดเริ่มขนส่งในเดือนเมษายน 2567และ การพัฒนาท่าเรือให้เป็นท่าเรือปลอดฝุ่น (Green Port)  ด้วยการปรับปรุงลาน Export Yard และกำหนดมาตรการการใช้ การปรับปรุงกระบวนการล้างและทำความสะอาด รวมถึงปรับปรุงไหล่ทางถนนเส้นทางหลักเข้าท่าเรือ

บริษัทยังคงมุ่งมั่นเพื่อสร้างความยั่งยืนชุมชนบางสะพานซึ่งเป็นพื้นที่ที่บริษัทดำเนินธุรกิจ โดยดำเนินกิจกรรมชุมชนที่ครอบคลุมทั้งมิติสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม ทั้งการสนับสนุนกิจกรรมด้านการศึกษา กิจกรรมอาสา และกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกิจกรรมสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้กับท้องทะเล อาทิ การสนับสนุนการวางซั้งกอ กิจกรรมเก็บขยะทะเล  และความร่วมมือและสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติทางทะเล

เพื่อให้การดำเนินธุรกิจสอดคล้องกับทรัพย์สินและทรัพยากรซึ่งเป็นจุดแข็งที่มีอยู่มากยิ่งขึ้น ในปี 2567 บริษัทฯ

ได้กำหนดวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจ คือ “ประตูสู่เศรษฐกิจสีน้ำเงิน” แนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจบนพื้นฐานการใช้ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน เป็นแนวทางการขับเคลื่อนให้เกิดการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ควบคู่ไปกับการดูแลรักษา  ระบบนิเวศอย่างยั่งยืน โดยมีพันธกิจที่สำคัญ คือ

    1. ขยายธุรกิจของลูกค้ารวมถึงความได้เปรียบทางการแข่งขัน ด้วยการเข้าถึงความต่อเนื่องทางทะเล
    2.  เชื่อมโยงและต่อยอดธุรกิจของเครือจากการพัฒนาศักยภาพขององค์ประกอบทางธุรกิจของท่าเรือ
    3. เสริมสร้างการใช้ประโยชน์ของพื้นที่หน้าท่าและพื้นที่หลังท่าอย่างเต็มสมรรถภาพ
    4. บูรณาการกิจกรรมทางสมุทรและกิจกรรมการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการปล่อยคาร์บอนรวมถึงระบบนิเวศน์ที่เกี่ยวข้อง
    5. สร้างเสริมประสิทธิภาพในการปฎิบัติงานด้วยการพัฒนาทรัพยากรบุคคลควบคู่กับการเติมทุนทางสังคม

ความสำเร็จในด้านต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้น  ล้วนมาจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่มีเป้าหมาย และทิศทางเดียวกัน

ในนามของบริษัท ท่าเรือประจวบ จำกัด ผมขอขอบคุณผู้ถือหุ้น คู่ค้า ลูกค้า ผู้ใช้บริการ ผู้มีส่วนได้เสีย หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้บริหารและพนักงานทุกท่าน ที่ได้ให้การสนับสนุนการดำเนินงานและมอบความไว้วางใจให้บริษัทฯ ด้วยดีเสมอมา บริษัทฯ ขอให้คำมั่นที่จะดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างเติบโตอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงประโยชน์ของผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความร่วมมืออันดีเช่นนี้ตลอดไป

(นายจิร  โชตินุชิต)
 กรรมการผู้จัดการ

คุณจิร โชตินุชิต
กรรมการผู้จัดการ

      ในปี 2567 ที่ผ่านมาบริษัท ท่าเรือประจวบ จำกัด ได้วางยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจโดยเน้นเป้าหมายเรื่องการขยายธุรกิจให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น นอกเหนือไปจากธุรกิจกลุ่มธุรกิจเหล็กสหวิริยาซึ่งเป็นลูกค้าหลักและลูกค้ารายใหญ่ที่ได้ไว้วางใจใช้บริการท่าเรือด้วยดีเสมอมา รวมถึงแผนการลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ที่เป็นโอกาสสร้างผลกำไรให้แก่บริษัทฯ ที่จะทำให้ผลประกอบการของบริษัทดีขึ้นในระยะยาว โดยมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจบนชายฝั่งและนอกชายฝั่งที่สามารถใช้ท่าเรือประจวบและพื้นที่หลังท่าเรือประจวบเป็นพื้นฐานหลัก

      ภายใต้การกำกับดูแลคณะกรรมการบริษัท และการดำเนินงานของผู้บริหาร และพนักงาน บริษัทฯ ได้มุ่งมั่นพัฒนาความพร้อมทางด้านการบริการขนถ่าย ฝากเก็บรวมถึง การให้บริการด้านอื่นๆ ที่รวดเร็วและมีคุณภาพ สร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้า นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจ ทั้งธุรกิจขนถ่ายปกติและธุรกิจใหม่ๆ ในการให้บริการนอกชายฝั่งทะเล เพื่อให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยไม่ละทิ้งความใส่ใจด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม อันเป็นหัวใจของยุทธศาสตร์เศรษฐกิจสีน้ำเงิน BLUE ECONOMY และความยั่งยืนที่สร้างสมดุลทางธุรกิจและทางทะเล ในการดำเนินธุรกิจร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย

      ในด้านเศรษฐกิจนั้น ผลการดำเนินงานในปี 2567 บริษัทฯ มีสินค้าผ่านท่า (cargo throughput) ทั้งสิ้น 1,889.38 พันตัน (สินค้าส่วนที่เป็นวัตถุดิบและสินค้าของกลุ่มเหล็กสหวิริยา 1,811.55 พันตัน และสินค้ากลุ่มอื่นๆ 77.73 พันตัน) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 5.36 มีรายได้จากการให้บริการสินค้าผ่านท่า 214,605,284.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 9.04 อีกทั้งยังมีรายได้จากการให้บริการธุรกิจนอกชายฝั่งซึ่งเป็นธุรกิจใหม่อีกจำนวน 14.5 ล้านบาท มีผลกำไรสุทธิ 25,904,503.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 98.13

      ในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม บริษัทฯ โดยได้ส่งเสริม สนับสนุน จัดกิจกรรม CSR. ให้กับสถานศึกษา ชุมชน กลุ่มประมงพื้นบ้านบางสะพาน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องผ่านโครงการต่างๆ อาทิ แพ็คปลากะตักร่วมกับเครือข่ายสมาคมชาวประมงบางสะพาน , กิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว ประมงไทยฟิชชิ่งบางสะพาน ครั้งที่ 2 , สนับสนุนการตัดหญ้าและปรับภูมิทัศน์ภายในโรงเรียน , จัดโครงการ PPC Care อบรมเชิงปฏิบัติการ “เทคนิคและวิธีการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเลแบบบูรณาการ” (เครือข่ายประมง) , กิจกรรมการอนุรักษ์-ฟื้นฟูสัตว์น้ำทะเลชายฝั่ง ทิ้งซั้งกอ และประชุมหมู่บ้านกับผู้นำชุมชนหมู่ 3 บ้านอ่าวยางเป็นประจำทุกเดือน

      สุดท้ายนี้ ในนามของคณะกรรมการบริษัทฯ คณะกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ ขอขอบคุณลูกค้า และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ที่มีความไว้วางใจและสนับสนุนการดำเนินงานของริษัทฯ ด้วยดีตลอดมา และขอขอบคุณผู้บริหารและพนักงานทุกท่านที่ได้ร่วมมือร่วมใจในการนำพาองค์กรฟันฝ่าอุปสรรคและความท้าทายจากปัจจัยภายนอกที่ยากจะควบคุมมาได้ และพยายามมองหาโอกาสใหม่ๆ ให้กับธุรกิจ พร้อมทุ่มเทในการปฏิบัติงาน ร่วมใจผลักดันบริษัทฯ ให้ก้าวไปข้างหน้าตามวิสัยทัศน์และพันธกิจของบริษัทฯ บริษัทฯ ขอยึดมั่นในการดำเนินงานภายใต้หลักธรรมาภิบาล ควบคู่กับการดูแลกิจการที่ดี พร้อมร่วมสร้างผลประกอบการของบริษัทให้เติบโตไปพร้อมกัน

(นายจิร  โชตินุชิต)
 กรรมการผู้จัดการ